ปลาทอง คือ
ปลาทอง (Goldfish) คือ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus เป็นปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากมีรูปร่าง สีสัน และลวดลายที่หลากหลาย เช่น สีแดง สีทอง สีขาว หรือสีดำ
ตอนที่ 1 : ประวัติและความเป็นมาของปลาทอง
ตอนที่ 2 : สายพันธุ์ปลาทองยอดนิยม
ตอนที่ 3 : การเลี้ยงดูและการดูแลปลาทอง
ตอนที่ 4 : ปัญหาที่พบบ่อยในการเลี้ยงปลาทอง
ตอนที่ 5 : สรุป
ประวัติและความเป็นมาของ ปลาทอง
Goldfish เป็นปลาน้ำจืดที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี และถือเป็นหนึ่งในปลาสวยงามชนิดแรกของโลกที่มนุษย์เริ่มเพาะพันธุ์เพื่อความสวยงามโดยเฉพาะ
🐟 จุดเริ่มต้นในประเทศจีน
ปลาทองมีต้นกำเนิดมาจากปลาคาร์พป่า ซึ่งเป็นปลาที่พบได้ทั่วไปในแม่น้ำและทะเลสาบของประเทศจีน เมื่อราว ราชวงศ์ถัง หรือประมาณปี ค.ศ. 618-907 ชาวจีนเริ่มสังเกตเห็นว่าปลาคาร์พบางตัวมีสีส้มทองอ่อนตามธรรมชาติ จึงเริ่มเพาะเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์เฉพาะปลาที่มีสีแปลกนี้
ต่อมาในยุค ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) การเพาะพันธุ์ปลาทองเริ่มพัฒนามากขึ้น โดยมีการคัดสายพันธุ์เพื่อให้ได้สีและรูปร่างที่หลากหลายขึ้น เช่น สีแดง สีขาว สีดำ รวมถึงลักษณะลำตัวและหางที่แตกต่างกัน
🐟 การแพร่หลายสู่ญี่ปุ่นและยุโรป
- ศตวรรษที่ 16: ปลาทองถูกนำเข้าไปยังประเทศญี่ปุ่น และพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ เช่น ปลาทองหัวสิงห์ (Ranchu) และปลาทองฮอลันดา (Oranda)
- ศตวรรษที่ 17: ปลาทองเริ่มแพร่เข้าสู่ยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งในยุคนั้นปลาทองถูกมองว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูง
- ศตวรรษที่ 19: ปลาทองถูกนำเข้าไปในสหรัฐอเมริกาและแพร่หลายไปทั่วโลก
🐟 ความนิยมในประเทศไทย
ปลาทองเข้ามาในประเทศไทยหลายสิบปีก่อน และได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะ ปลานำโชค ตามความเชื่อของคนไทยและคนจีน ว่าปลาทองช่วยเสริมดวงด้านโชคลาภและความมั่งคั่ง จึงมักถูกเลี้ยงไว้ในบ้านและร้านค้าเพื่อเสริมสิริมงคลใน เรื่องการซื้อ หวยไว และถูกรางวัล
สายพันธุ์ ปลาทอง ยอดนิยม
เป็นปลาสวยงามที่มีการเพาะพันธุ์จนได้หลากหลายสายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์จะมีรูปร่าง สีสัน และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งสายพันธุ์ยอดนิยมที่คนไทยและทั่วโลกนิยมเลี้ยงมีดังนี้
- พันธ์ุฮอลันดา (Oranda)
- ลักษณะเด่น: มี “หัววุ้น” หรือก้อนเนื้อบริเวณหัว ขนาดลำตัวอวบกลม หางยาวสวย
- สีที่นิยม: แดง-ขาว, ดำ, ทอง
- ความนิยม: สูงมาก เนื่องจากดูน่ารักและเป็นมงคล
- พันธ์ุหัวสิงห์ (Ranchu)
- ลักษณะเด่น: ไม่มีครีบหลัง ลำตัวโค้งเว้าอย่างชัดเจน หัวมีวุ้นคล้ายฮอลันดาแต่หนากว่า
- สีที่นิยม: แดง, แดง-ขาว, ดำ
- ความนิยม: สูงในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาทองที่ชอบปลาทรงกลมๆ และดูน่ารัก
- พันธ์ุริวกิ้น (Ryukin)
- ลักษณะเด่น: ลำตัวสั้นและสูง ปลายหลังโค้งนูนเด่น ครีบหางยาวสวยงาม
- สีที่นิยม: แดง, แดง-ขาว, ดำ
- ความนิยม: สูง เนื่องจากเลี้ยงง่าย แข็งแรง และสีสวย
- พันธ์ุซิ่วอี๋ (Shubunkin)
- ลักษณะเด่น: ตัวเรียวยาวเหมือนปลาคาร์พ ลายจุดหลากสีบนตัว เช่น ฟ้า แดง ขาว ดำ
- สีที่นิยม: ลายหลายสี (Calico)
- ความนิยม: เหมาะกับการเลี้ยงในบ่อกลางแจ้ง เพราะว่ายน้ำเก่งและโตเร็ว
- พันธ์ุตาลูกโป่ง (Bubble Eye)
- ลักษณะเด่น: มีถุงน้ำใสขนาดใหญ่ใต้ตา ลำตัวสั้น ไม่มีครีบหลัง
- สีที่นิยม: แดง, แดง-ขาว
- ความนิยม: ปานกลาง-สูง ในกลุ่มคนชอบปลาทองแปลกตา แต่ต้องดูแลถุงตาอย่างระมัดระวัง
- พันธ์ุตากลับ (Celestial Eye)
- ลักษณะเด่น: ดวงตาทั้งสองข้างหงายขึ้นด้านบน ครีบเรียวยาว ลำตัวเรียว
- สีที่นิยม: แดง, แดง-ขาว
- ความนิยม: สำหรับนักเลี้ยงที่ชอบความแปลกใหม่ แต่ต้องดูแลพิเศษเนื่องจากสายตาไม่ดี
- พันธ์ุดำ หรือ แบล็คมัวร์ (Black Moor)
- ลักษณะเด่น: ตัวสีดำสนิท ตาโปน ครีบยาวสง่างาม
- สีที่นิยม: ดำล้วน
- ความนิยม: สูง เพราะมีความแปลกตาและดูหรูหรา
ปลาทอง เสริมดวง
ในศาสตร์ฮวงจุ้ยและความเชื่อของคนไทย-จีน ปลาทองถือเป็นสัตว์มงคลที่ช่วย เสริมดวง เสริมโชคลาภ โดยเฉพาะในด้านการเงิน ความมั่งคั่ง เลขเด็ด และความสำเร็จในชีวิต เชื่อว่าการเลี้ยงปลาทองอย่างถูกหลักจะช่วยเพิ่มพลังบวกให้กับบ้านหรือสำนักงานได้
🐟 ทำไมปลาทองถึงช่วยเสริมดวง?
1. สีสันเสริมโชค
ปลาทองสีแดง-ทอง : เสริมโชคลาภ ความร่ำรวย
ปลาทองสีดำ : ป้องกันสิ่งชั่วร้าย เสริมพลังหยิน
ปลาทองสีขาว : เสริมพลังแห่งความสงบสุข บริสุทธิ์
2.จำนวนปลาในตู้มีผลต่อดวง
8 ตัว : เลขมงคลของชาวจีน หมายถึง “โชคลาภไม่มีที่สิ้นสุด”
9 ตัว : ความสมบูรณ์ ความยั่งยืนยาวนาน
1 ตัว : เน้นโชคด้านเดียว เช่น การเงิน หรือความสำเร็จเฉพาะทาง
🐟 สายพันธุ์มงคลที่นิยมเลี้ยงเพื่อเสริมดวง
- ฮอลันดา (Oranda) : เพิ่มเสน่ห์และโชคลาภ
- หัวสิงห์ (Ranchu) : เสริมพลังและอำนาจ
- ริวกิ้น (Ryukin) : เสริมเงินทองและการงาน
- ซิ่วอี๋ (Shubunkin) : เสริมสุขภาพและความสุขในชีวิต
การเลี้ยงดูและการดูแล ปลาทอง
- การเลือกตู้ปลา
- ควรเลือกตู้ปลาขนาดใหญ่พอสมควร (อย่างน้อย 20–30 ลิตรต่อตัว)
- ห้ามเลี้ยงปลาทองในโหลเล็ก เพราะทำให้ออกซิเจนต่ำ และปลาทองเติบโตไม่เต็มที่
- ติดตั้งกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพราะปลาทองขับถ่ายเยอะกว่าปลาชนิดอื่น
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำ
- เปลี่ยนน้ำประมาณ 20–30% ทุก 5–7 วัน
- ใช้น้ำพักคลอรีนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ควรรักษาอุณหภูมิน้ำให้อยู่ระหว่าง 24–28 องศาเซลเซียส
- อาหารปลาทอง
- เลือกอาหารเม็ดที่มีโปรตีน 30–40% เป็นหลัก
- ควรให้เสริมด้วยหนอนแดง ไรแดง หรือผักลวก (เช่น ผักกาดหอม) เพื่อระบบย่อยอาหาร
- ไม่ควรให้อาหารเยอะเกินไป ให้กินหมดภายใน 2–3 นาที เพื่อป้องกันน้ำเสีย
- การดูแลสุขภาพ
- สังเกตพฤติกรรมปลาทอง เช่น ว่ายน้ำผิดปกติ สีซีด เบื่ออาหาร หรือมีจุดขาว
- ปลาที่สุขภาพดีจะว่ายน้ำคล่อง ไม่มีรอยขีดข่วนหรือแผลตามตัว
- ควรแยกปลาที่ป่วยออกมาต่างหากเพื่อลดการแพร่เชื้อ
- การตกแต่งตู้ปลา
- ควรมีต้นไม้น้ำหรือของประดับที่ไม่แหลมคม ป้องกันไม่ให้ปลาทองบาดเจ็บ
- พื้นตู้สามารถรองด้วยกรวดขนาดกลางเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด
- ติดตั้งไฟเพื่อให้ปลาทองมีสีสันสดใส แต่ไม่ควรเปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง
- คำแนะนำเพิ่มเติม
- ไม่ควรเลี้ยงปลาทองรวมกับปลากัดหรือปลาที่ดุร้าย
- ควรมีฝาปิดตู้ปลา ป้องกันปลาทองกระโดดออกนอกตู้
- หลีกเลี่ยงการย้ายปลาบ่อย เพราะปลาทองไวต่อความเครียด
- หลีกเลี่ยงการซื้อ หวยไว ในเว็บที่โกงและไม่ได้มาตรฐาน
ปัญหาที่พบบ่อยในการเลี้ยงปลาทอง
- ปลาทองลอยตัวหรือจมก้นตู้
สาเหตุ
ให้อาหารมากเกินไป , อาหารไม่ย่อย , การติดเชื้อหรือบาดเจ็บที่ถุงลม
วิธีแก้
งดอาหาร 2-3 วัน , เปลี่ยนมาให้อาหารต้มสุก เช่น ถั่วลันเตาต้มแกะเปลือก ,รักษาด้วยยาปฏิชีวนะถ้าจำเป็น
- ปลาทองมีจุดขาว
สาเหตุ
ปรสิต Ichthyophthirius multifiliis , อุณหภูมิน้ำเย็นเกินไป
วิธีแก้
เพิ่มอุณหภูมิน้ำให้อุ่นขึ้น (ประมาณ 28°C) , ใส่ยารักษาเชื้อราและปรสิต , เปลี่ยนน้ำและทำความสะอาดตู้
- น้ำขุ่น มีกลิ่นเหม็น
สาเหตุ
เศษอาหารตกค้าง , ระบบกรองไม่มีประสิทธิภาพ , เปลี่ยนน้ำน้อยเกินไป
วิธีแก้
เปลี่ยนน้ำบางส่วนทุก 5-7 วัน , ล้างกรองน้ำทุก 2 สัปดาห์ , ใช้แบคทีเรียบำบัดน้ำ
- ปลาทองไม่กินอาหาร
สาเหตุ
น้ำไม่สะอาด , ป่วย หรือเครียดจากการย้ายที่อยู่ , อุณหภูมิน้ำไม่เหมาะสม
วิธีแก้
ตรวจค่า pH, อุณหภูมิ, แอมโมเนีย , ให้ปลาพักจากการให้อาหาร 1-2 วัน , ใช้วิตามินช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร
- ปลาทองถลอกหรือมีแผลตามตัว
สาเหตุ
ของตกแต่งในตู้มีคม , ทะเลาะกับปลาอื่น , เชื้อโรคหรือปรสิต
วิธีแก้
เอาของมีคมออกจากตู้ , แยกปลาที่กัดกันออก , ใส่ยาฆ่าเชื้อหรือเกลือช่วยสมานแผล
สรุป
ปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่มีความเชื่อเกี่ยวโยงกับการเลี้ยง เช่น โชคลาภ เงินทอง ความมั่งคง และความสวยงาม ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่คนไทยนิยมเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงที่บ้าน หรือที่ทำงาน ไปจนถึงร้านค้า นั่นเอง