ในวัย 30 หลายคนอาจกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว หรือไล่ตามความฝันในหน้าที่การงาน จึงไม่แปลกที่ ” เกษียณ ” จะดูเป็นเรื่องที่ยังห่างไกลเกินกว่าจะนึกถึง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัย 30 คือช่วงเวลาทองในการเริ่มต้นวางแผนเพื่ออนาคต เพราะเป็นวัยที่มีศักยภาพในการหารายได้สูง มีเวลาในการเตรียมตัวอีกหลายสิบปี และมีความยืดหยุ่นพอที่จะปรับตัวได้ก่อนจะสายเกินไป

หากเริ่มต้นช้าเกินไป ความมั่นคงทางการเงินหลังเลิกทำงานอาจกลายเป็นเรื่องยากและทำให้คุณต้องทำงานต่อไปแม้สุขภาพไม่เอื้ออำนวย

แต่หากคุณเริ่มต้นเร็วตั้งแต่วัย 30 คุณจะสามารถใช้ชีวิตหลังเลิกทำงานได้อย่างมีอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องรายจ่าย และสามารถทำในสิ่งที่รักโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเงินอีกต่อไป

   ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก เคล็ดลับการวางแผนเลิกทำงาน ที่เหมาะกับคนวัย 30 เพื่อให้คุณใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างไร้กังวล

8 เคล็ดลับตั้งเป้า เกษียณ

1. ตั้งเป้าหมายชีวิตหลัง เกษียณ ให้ชัดเจน

   การวางแผนที่ดีต้องเริ่มจาก “เป้าหมาย” ถามตัวเองว่า…

  • คุณอยากเลิกทำงานเมื่ออายุเท่าไร?

  • คุณอยากมีชีวิตแบบไหนหลังเลิกทำงาน? เที่ยวรอบโลก อยู่บ้านเลี้ยงหลาน หรือเปิดกิจการเล็ก ๆ ?

  • รายได้ที่ต้องการหลังเลิกทำงานคือเท่าไร?

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเลิกทำงานตอนอายุ 60 และอยากมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาท

ไปจนถึงอายุ 85 คุณจะต้องมีเงินเก็บหลังเลิกทำงานประมาณ 9 ล้านบาท (30,000 บาท x 12 เดือน x 25 ปี)

ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าเงินลดลงในอนาคต

เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน คุณจะสามารถคำนวณได้ว่าควรออม

และลงทุนเดือนละเท่าไรตั้งแต่วัย 30 เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ

2. จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และลดหนี้สิน

   พื้นฐานของการเงินที่มั่นคงคือการ “ควบคุมรายจ่าย” และ “ลดหนี้

  • บันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูว่าคุณใช้เงินกับอะไรไปบ้าง

  • ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย เช่น ของแบรนด์เนม ค่าอาหารนอกบ้าน หรือค่าบริการ Subscription ที่ไม่ใช้

  • หมั่นชำระหนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคลให้หมดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยกัดกินรายได้

หากคุณสามารถใช้ชีวิตแบบมีวินัยทางการเงินตั้งแต่วัย 30 ได้

จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บและนำไปลงทุนเพื่อการเลิกทำงานได้ง่ายขึ้น

3. เริ่มออมเงินอย่างมีระบบ

   การออมเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงทางการเงิน

คุณควรตั้งเป้าหมายในการออมเป็น “เปอร์เซ็นต์ของรายได้” เช่น…

  • ออมขั้นต่ำ 10% ของรายได้ต่อเดือน

  • หากสามารถออมได้ 20-30% จะยิ่งช่วยให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น

เครื่องมือในการออม เช่น:

  • บัญชีเงินฝากประจำ: ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับเงินสำรองฉุกเฉิน

  • กองทุนรวมตลาดเงิน ( MMF): ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร และยังมีความเสี่ยงต่ำ

สำคัญคือ “ต้องออมก่อนใช้” ไม่ใช่ออมเฉพาะตอนที่เหลือจากรายจ่าย

4. ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว

การออมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะอัตราเงินเฟ้ออาจทำให้มูลค่าเงินลดลงในอนาคต การลงทุนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเงินของคุณในระยะยาว

เครื่องมือการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายการเลิกทำงาน เช่น:

  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF): ได้สิทธิลดหย่อนภาษีและเหมาะกับการลงทุนระยะยาว

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ( PVD): หากบริษัทมีให้เลือก ควรส่งเงินสมทบสูงสุดเพื่อรับเงินสมทบจากนายจ้าง

  • หุ้นหรือ ETF: แม้มีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าลงทุนอย่างมีความรู้และกระจายความเสี่ยงดี ก็สามารถให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว

  • อสังหาริมทรัพย์: ซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็นรายได้หลังเลิกทำงาน

คำแนะนำ: ศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการเงินก่อนลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงเกินควร

5. วางแผนด้านสุขภาพและประกันชีวิต

สุขภาพคือสมบัติที่มีค่าที่สุดหลังเลิกทำงาน การเจ็บป่วยเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เงินเก็บที่เตรียมไว้หมดไปในพริบตา

สิ่งที่ควรทำตั้งแต่วัย 30:

  • ซื้อประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง

  • ตรวจสุขภาพประจำปี

  • วางแผนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น อาหาร ออกกำลังกาย และสุขภาพจิต

หากคุณมีประกันที่ครอบคลุมอย่างดีตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เบี้ยจะถูกกว่าและคุ้มครองยาวนานเมื่อเข้าสู่วัยเลิกทำงาน

6. สร้างรายได้ทางเลือกตั้งแต่วันนี้

การพึ่งพาเงินเก็บเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การมีรายได้ทางเลือก เช่น:

  • รายได้จากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์

  • การขายของออนไลน์

  • การทำธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้หลังเลิกทำงาน

  • การลงทุนในหุ้นปันผลหรือ REITs

ควรเริ่มสร้างตั้งแต่วัย 30 เพื่อให้มีเวลาทดลอง ปรับปรุง และพัฒนาให้กลายเป็นรายได้ที่มั่นคงในอนาคต

7. ใช้เทคโนโลยีช่วยวางแผน

มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยวางแผนการเงิน เช่น:

  • FINNOMENA, Jitta, หรือ aomMoney: สำหรับวิเคราะห์การลงทุน

  • You Need A Budget (YNAB), Money Lover หรือ Spendee: สำหรับการจัดทำงบประมาณและวางแผนรายจ่าย

  • คำนวณเงินเลิกทำงาน จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือธนาคารต่าง ๆ

เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทางการเงินและวางแผนอย่างเป็นระบบ

8. ปรับแผนตามช่วงชีวิต

การวางแผนเลิกทำงานไม่ใช่เรื่องที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องมีการ ทบทวนและปรับแผน ตามสถานการณ์ชีวิต เช่น:

  • รายได้เปลี่ยน

  • มีครอบครัวหรือมีลูก

  • ภาระหนี้เพิ่มหรือลดลง

ควรทบทวนแผนอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าแผนที่วางไว้ยังเหมาะสมและสามารถบรรลุเป้าหมายได้

      แม้คำว่า “ เกษียณ ” จะฟังดูห่างไกลสำหรับคนอายุ 30 แต่แท้จริงแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการวางแผน เพราะยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไร ความเครียดและแรงกดดันในอนาคตก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

การวางแผนเลิกทำงานไม่ใช่เรื่องของคนแก่ แต่เป็นเรื่องของคนฉลาดที่คิดล่วงหน้า หากคุณเริ่มต้นวันนี้ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

ออมเงินอย่างมีวินัย ลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ พร้อมวางแผนสุขภาพและสร้างรายได้ทางเลือกในระยะยาว ชีวิตหลังเลิกทำงานของคุณจะไม่ใช่การดิ้นรน แต่คือการใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีคุณค่า และมีความสุข

คุณพร้อมหรือยัง… ที่จะเริ่มวางแผนเลิกทำงานตั้งแต่วันนี้?

   การวางแผนเลิกทำงานตั้งแต่อายุ 30 คือ ก้าวสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต การหารายได้เสริม เช่น การขายหวยออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย ก็เป็นอีกวิธีเพิ่มรายได้ระหว่างทาง ช่วยให้เป้าหมายเลิกทำงานสบายเป็นจริงได้เร็วขึ้น